📣 ปุกาศ ปุกาศ 📣
สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังสงสัย เรื่องของมาตรการลดเงินสมทบประกันสังคม
วันนี้ EZY-HR สรุปมาให้แล้ว ว่าลดเท่าไหร่ เริ่มตอนไหน ระยะเวลากี่เดือน

มาตรการลดเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน
มาตรการลดเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน

📍 เริ่ม พ.ค. ถึง ก.ค. 65 📍

นายจ้าง
จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 5 เหลือ ร้อยละ 1

มาตรา 33
จะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 5 เหลือ ร้อยละ 1

มาตรา 39
ลูกจ้างจะได้ลดเงินสมทบจากร้อยละ 9 เหลือ ร้อยละ 1.9

มาตรา 40 ระยะเวลา **6 เดือน ก.พ. ถึง ก.ค. 65**
จะได้ลดเงินสมทบในแต่ละทางเลือกลงร้อยละ 40
ทางเลือกที่ 1
ลดการส่งเงินสมทบจากเดิม 70 บาท ลดลงเหลือ 42 บาท
ทางเลือกที่ 2
ลดการส่งเงินสมทบจากเดิม 100 บาท ลดลงเหลือ 60 บาท
ทางเลือกที่ 2
ลดการส่งเงินสมทบจากเดิม 300 บาท ลดลงเหลือ 180 บาท

_____________________________________

Web : www.ezy-hr.com
Line official : @ezyhr
Tel. : 095-951-4318
#ระบบลางานออนไลน์ #ภาษี2565 #ลดหย่อนภาษี
#โปรแกรมลาออนไลน์ #ประกัน
#ระบบลาออนไลน์
#โปรแกรมคิดเงินเดือนพนักงาน
#โปรแกรมเงินเดือน #โปรแกรมเงินเดือน
#hr #HR #ระบบบริหารทรัพยากรบุคคล
#โปรแกรมคํานวณเงินเดือน

ยังใช้โปรแกรมเดิมอยู่หรอ ?

เป็นคำถามที่เหมือนจะจี้ใจดำ HR หลาย ๆ คน ที่อยากเปลี่ยนโปรแกรมใหม่ แต่บริษัทไม่อนุมัติสักที วันนี้เราเลยจะพาไปดูข้อดี ที่ทำไมถึงควรเปลี่ยนโปรแกรมใหม่

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป HR อย่างเรา ๆ ก็อยากให้อะไร ๆ เปลี่ยนตาม โดยเฉพาะระบบการทำงานหลังบ้าน ที่อยากให้ทันสมัยขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น มีฟังก์ชั่นครบ และที่สำคัญทำงานเรียลไทม์มากขึ้น ไม่ต้องมาคอยทวง หรือตามเอกสาร

ทำไมถึงควรเปลี่ยนโปรแกรมใหม่
ทำไมถึงควรเปลี่ยนโปรแกรมใหม่

แล้ว….. คือไม่ได้อวยหรืออะไร แต่เพราะแอปเรามันดี และตอบโจทย์ HR ยุคใหม่มากกก
ด้วยฟังก์ชั่นที่ครบ เข้าใช้งานง่ายผ่านคอม หรือโทรศัพท์ก็ได้ แถมยุคโควิดแบบนี้ก็สามารถทำงานที่บ้านได้แบบแผนกอื่น ๆ อีกด้วย แค่นี้ก็เป็นเหตุผลมากพอที่เราควรจะเปลี่ยนมาใช้ EZY-HR แล้ว

แต่……….. ยังไม่หมดแค่นั้น เราจะขอเล่าเพิ่มอีกนิดว่ามีฟังก์ชั่นอะไรบ้าง

  • สแกนเข้า/ออกงาน ง่าย ๆ ได้ทุกที่
  • เช็คโควต้าวันหยุด ขาด ลา มาสายได้แบบเรียลไทม์
  • เบิกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ผ่านแอพได้เลย
  • มีประวัติเกี่ยวกับโควิดแค่มีฟังก์ชั่นแบบนี้ก็ช่วยให้ HR อย่างเราทำงานง่ายขึ้นเป็นกอง
    ถ้า HR คนไหนสนใจ ก็ลองมาคุยกับเราได้น้าาา
    รับรองว่าบริษัทอนุมัติให้เปลี่ยนอย่างแน่นอน

ปัจจุบัน เรากำลังเข้าสู่เทคโนโลยี 4.0 ครับ ดังนั้นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจึงมีสูงมาก และเป็นการ Global World Wide ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เราไม่ได้มีผลกระทบกับคนทั้งโลกอีกต่อไป ดังนั้นแล้ว พนักงานแบบไหนล่ะ ที่พนักงานมองหาอยู่

ทักษะแรก คงหนีไม่พ้นเรื่องของภาษา : เพราะโลกยุคปัจจุบัน เป็นสังคมออนไลน์ สิ่งที่เราค้นหาบน website จึงมีทั้งภาษาไทย อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเราอาจจะต้องติดต่อ ค้นหาข้อมูล หรืออื่นๆ ดังนั้น การเรียนรู้ภาษาที่สอง สาม สี่ จึงเป็นเรื่องสำคัญ และทำให้เรามีโอกาสมากกว่าคนอื่น
ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต : คงเคยได้ยินใช่ไหมครับว่าจงทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วเสมอ เพื่อพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้กับชีวิต และพัฒนาตัวเราเองอยู่เสมอ ซึ่งการทำงานก็เป็นไปตามที่ว่ามานี้ สิ่งที่เรารู้ดีอยู่แล้ว อาจจะมีคนอื่นทำได้ดีกว่าเรา เร็วกว่าเรา เชี่ยวชาญกว่าเราก็ได้ และเราควรเรียนรู้จากคนเหล่านั้น เพื่อพัฒนาตัวเราเองและงานให้ดีขึ้น
ทักษะการคิด ตัดสินใจและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า : การคิดไม่ใช่เพียงแต่คิดได้ แต่ต้องคิดให้เป็นและคิดให้ทันด้วย เพราะบางครั้ง การเจรจาธุรกิจเขาจะไม่บอกเราตรงๆ มันจะมีนัยยะแฝงอยู่เสมอ หากเราคิดไม่ทัน มองไม่ออก อาจเสียโอกาสเหล่านั้นไป และเมื่อคิดได้แล้ว ต้องตอบให้เป็น ตัดสินใจดำเนินการ เหล่านี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จของเราให้มากขึ้น
ทักษะการวิเคราะห์และสังเคราะห์ : เราจำเป็นต้องวิเคราะห์ให้เป็นถึงเนื้องาน ปัญหา สิ่งที่ได้รับมอบหมาย เพื่อให้สามารถทราบถึงสิ่งที่บริษัทต้องการและทำงานได้อย่างถูกต้อง และเมื่อวิเคราะห์ได้แล้ว เราก็ต้องสังเคราะห์ให้ได้ว่า แล้วเราควรทำอย่างไรล่ะ เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ของการทำงานนั้นๆ วางลำดับขั้นตอน หนึ่ง สอง สาม เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย
ทักษะการเข้าสงคม : อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่ปัญหานี้ปัจจุบันกำลังเป็นปัญหาใหญ่ มีบ่อยครั้งที่พนักงานเป็นคนเก็บตัว ไม่คบหาสมาคมกับใคร พูดน้อย หรือไม่ก็สุดโต่งไปอีกฝั่งอย่างพวกมั่นใจในตนเอง ไม่ฟังใคร อีโก้สูง สิ่งเหล่านี้ ทำให้ทีมเกิดความแตกแยก ไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหาในการทำงานบ่อยครั้ง และด้วยสังคม Social ในปัจจุบัน ทำให้คนมักมองโทรศัพท์มากกว่ามองหน้าเพื่อน ดังนั้น จึงควรปรับปรุงตัวเองในเรื่องนี้ด้วย
ทักษะอดทนและขยันทำงาน : อดทนและขยันทำงาน มันก็เรื่องพื้นๆ นี่นา ใช่ครับ มันพื้นๆ แต่นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่บริษัทจะเจอในหมู่พนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มั่นใจในตนเอง มีความคิดเป็นของตัวเอง ทำงานได้ไม่เท่าไหร่ ไม่ชอบใจก็ลาออก ไม่ชอบนายจ้าง ไม่ชอบเพื่อนร่วมงาน ก็ลาออก ไม่เข้าใจกระบวนการทำงานแบบบริษัท ทำงานไม่ได้ก็ลาออก เราจึงเห็นคนรุ่นใหม่หันมาเปิดกิจการเป็นของตัวเองมากขึ้น เพราะเขาต้องการเป็นนายของตัวเองด้วยความฝันอันสวยหรู เช่นธุรกิจยอดฮิตอย่างร้านกาแฟ
ทักษะพิเศษ : เช่นความรู้เฉพาะทางที่เรามี ซึ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้รับการจ้างที่ง่ายขึ้น เพราะเป็นทักษะที่หายาก ซึ่งจะทำให้ได้รับค่าจ้างที่แพงขึ้นด้วย เช่น ทักษะทางด้านรังสี ทักษะด้านการแพทย์
ยังมีอีกมากครับ ที่จะทำให้เราได้รับการจ้างที่ง่ายขึ้น แต่เหล่านี้ที่ได้กล่าวไปแล้วล้วนเป็นแกนหลักที่สำคัญที่จะทำให้เราได้รับการจ้างงานมากขึ้นครับ

เมื่อหลายปีก่อนแอดมินเคยประสบเหตุการณ์ที่ต้องคอยรับโทรศัพท์คนโทร.มาทวงหนี้พนักงาน แต่ด้วยพนักงานคนนั้นต้องออกไปพบลูกค้าไม่ค่อยได้อยู่ประจำสำนักงาน แอดจำเป็นต้องรับเรื่องแทนและส่งต่อพนักงานเสมอ แต่พนักงานนิ่งเฉย แอดถูกเจ้าหน้าที่ทวงหนี้ใส่อารมณ์ พูดจาไม่ดี มีการข่มขู่ สุดท้ายมีจดหมายจากกรมบังคับคดีให้หักเงินเดือนพนักงานเพื่อชำระหนี้ก็มาถึง

แอดคิดว่า HR หลายๆ ท่านกำลังประสบปัญหาเหล่านี้อยู่ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เรื่องนี้มีหลายมุมที่จะต้องจัดการ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อพนักงานกับองค์กร หรือตัว HR เองเมื่อต้องประสบเหตุการณ์นี้จะต้องทำอย่างไร

 

ทำความเข้าใจก่อนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบพนักงานและองค์กร เช่น

  • พนักงานคนหนึ่งเคยทำงานดี เป็นพนักงานที่คล่องแคล่ว วันหนึ่งการทำงานเปลี่ยนไปดูร้อนร้น คิดมาก หวาดระแวง แน่นอนว่าพนักงานผู้เป็นหนี้ก็ไม่มีกระจิตกระใจทำงาน ผลงานที่ได้ก็ไม่ดี เจ้านายก็ตำหนิ
  • มีหนี้สินล้นพ้นตัว จนมาถึงขั้นลาออกเพราะต้องหนีหนี้หลบเจ้าหนี้
  • กระทบทางอ้อม เพื่อนร่วมงานที่ต้องแบกรับงานแทน หรือต้องคอยแก้งาน
  • หัวหน้างานก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมอยู่ดีๆ ผลงานถึงตกลง งานผิดพลาดเยอะ หรือบางครั้งงานเสร็จไม่ตรงเวลา
  • ฝ่ายบุคคลหรือธุรการที่ต้องคอยรับโทรศัพท์ข่มขู่จากเจ้าหนี้ที่โทร.มาบ่อยครั้ง รบกวนการทำงาน บางครั้งถึงกับมีการแสดงอารมณ์ตอบโต้รุนแรง
  • มีบางเหตุการณ์ที่เจ้าหนี้มาดักพนักงานหน้าบริษัท อันนี้ก็น่ากลัวไปอีก

เหตุการณ์อย่างนี้มีมากๆ เข้าก็ไม่ไหว ไม่เป็นอันทำงานกัน แล้วจะให้เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ HR ได้อย่างไร

 

ต้องทำอย่างไรมาแก้ที่ละประเด็น คงต้องทำความเข้าใจบางคนเป็นหนี้มาจากเหตุจำเป็น บางคนเป็นหนี้จากความไม่รู้ ความผิดพลาด แต่เป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ มาเข้าเรื่องที่ควรดำเนินการก่อน 

เมื่อรู้ว่าพนักงานมีหนี้สิน มีหมายบังคับคดี เลิกจ้างได้หรือไม่ (คำถามนี้พบบ่อย)

ตอบ ไม่ถือว่าเป็นความผิด เลิกจ้างไม่ได้ เพราะไม่ได้กระทำผิดระเบียบบริษัท 

  • แต่ถ้าพนักงานมีประสิทธิภาพการทำงานลดน้อยลง ทำงานผิดพลาด สามารถลงโทษได้ตามความผิดกรณีนั้นๆ 
  • อีกกรณี หากพนักงานทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเงินหรือทรัพย์สินบริษัทอาจต้องปรับเปลี่ยนหน้าที่รับผิดชอบตามความเหมาะสม (ภายใต้กฎหมายกำหนด)

การดำเนินการหักเงินเดือนพนักงาน เพื่อชำระหนี้

เมื่อ HR ได้รับหมายบังคับคดี (อะไรก็ HR จริงจริ๊ง) ต้องดู 3 กรณี

 

กรณีที่ 1 พนักงานพ้นสภาพลาออกไปแล้ว HR ออกหนังสือชี้แจงต่อกรมบังคับคดี ประมาณนี้ค่ะ

อ้างอิงหนังสือ…..จากกรมบังคับคดี เมื่อวันที่….. ถึงบริษัท…….. ขอชี้แจงว่านาย/นาง/นางสาว…..ได้พ้นสภาพพนักงาน โดยลาออกไปตั้งแต่เมื่อวันที่……. 

 

กรณีที่ 2 พนักงานเงินเดือนไม่ถึง 20,000 บาท ไม่สามารหักเงินเดือนตามการบังคับคดีได้ HR ออกหนังสือชี้แจงต่อกรมบังคับคดี เช่นเดียวกัน

อ้างอิงหนังสือจาก…….ฉบับที่…..เลขที่….เมื่อวันที่…..ถึงบริษัท…..โดยมีคำสั่งให้ทางบริษัทฯ หักเงินเดือนพนักงานนาย/นาง/นางสาว….. ขอชี้แจงว่าพนักงานมีเงินเดือนบวกรายได้อื่นๆ ไม่ถึง 20,000 บาท จึงขอชี้แจงมา ณ ที่นี้

หมายเหตุ หากพนักงานมีเงินโบนัสจะต้องถูกหักคิดเป็น 50% ของโบนัสที่พนักงานจะได้รับ

หากพนักงานมีค่าล่วงเวลา, เบี้ยขยัน, ค่าคอมมิชชั่น หรือเงินตอบแทนอื่นๆ จะถูกหัก 30% ของเงินที่จะได้รับ

 

กรณีที่ 3 พนักงานเงินเดือนเกิน 20,000 บาท หนังสืออายัดจากบังคับคดีจะใช้คำว่า “อายัดเงินเดือนโดยเหลือให้ลูกหนี้เดือนละ 20,000 บาท หมายความว่า หากพนักงานมีเงินเดือน 50,000 บาท จะต้องถูกหักไป 30,000 บาท และเหลือให้ใช้ 20,000 บาท (โอ้แม่เจ้า…เนื่องจากกฎหมายกำหนดเพียงเงินเดือนไม่เกิน 20,000 บาท ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี แต่ไม่ได้บอกว่าถ้าเงินเดือนเกิน 20,000 บาท จะหักอย่างไรเท่าไหร่) ควรแนะนำให้พนักงานผู้เป็นหนี้เจรจาต่อรองกับเจ้าหน้าที่บังคับคดี เพื่อขอลดเงินอายัดอย่างด่วนนับแต่วันได้รับหนังสือ

ทั้งนี้ ทางฝ่ายนายจ้างหรือ HR (ถือเป็นตัวแทนนายจ้าง) จะต้องช่วยดำเนินการหักเงินเดือนพนักงานไปจนกว่าจะครบหนี้และมีหมายถอนอายัดมาจากทางกรมบังคับคดีจึงถือเป็นที่สิ้นสุด

 

เรื่องราวซับซ้อนมากมาย อะไรก็ HR จริงๆ แต่เรื่องหนี้สินของพนักงานยังไม่หมดแค่นี้นะคะ HR ยังต้องมีอะไรทำอีกเยอะ เช่น เจอพวกข่มขู่จะทำอย่างไร ทำอย่างไรให้พนักงานสามารถใช้หนี้ได้ ทำอย่างไรให้ไม่เป็นหนี้จะดีกว่า เรื่องราวมากมายพบกันครั้งหน้าค่ะ 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

Thanulaw.com เรื่องการอายัดเงิน ตามกฎหมายใหม่ (พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉบับที่ 30 พ.ศ.2560)

ตอนที่แล้วเราคุยกันว่าจะวางแผนกำลังคน เริ่มยังไง ตอนนี้เรามาต่อกันที่ เทคนิคการวิเคราะห์อัตรากำลังคนนั้นมีหลายเทคนิควิธี ดังนี้

เทคนิคการวิเคราะห์อัตรากำลังคน

  1. วิเคราะห์อัตรากำลังคนโดยการวิเคราะห์อัตราส่วน

อัตราส่วนประสิทธิภาพ สูตร คือ

จำนวนผลงานที่จะได้รับจากผู้ปฏิบัติงาน 1 คน โดยเฉลี่ย อาจคิดจากชิ้นงานหรือลูกค้าที่มาติดต่อ หรือพื้นที่ในการปฏิบัติงาน

กำลังคนที่ต้องการ = ปริมาณงานที่ต้องทำตามแผน / อัตราส่วนประสิทธิภาพ

 

ตัวอย่างที่ 1 คำนวณจากชิ้นงาน

โรงงานตุ๊กตาแห่งหนึ่ง กำหนดเกณฑ์มาตรฐานให้พนักงาน 1 คนตกแต่งตุ๊กตาได้เดือนละ 60 ตัว ในปี 2019 มีแผนผลิตตุ๊กตา 10,000 ตัว ดังนั้น

กำลังคนที่จะต้องเตรียม = 10,000 / (60×12) = 13.8

แนวทางดำเนินการ

กลยุทธ์ที่ 1 กรณีนี้ควรเตรียมกำลังคนไว้ 14 คนโดยคนที่ 14 อาจจะมอบหมายหน้าที่งานเพิ่มให้มีหน้าที่ตรวจสอบตุ๊กตาทุกตัวก่อนส่งหน่วย Packing ต่อวัน เป็นต้น

กลยุทธ์ที่ 2 รับแค่ 12 คน แล้วสลับกันทำ OT

 

***ทั้งนี้ควรต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เราสามารถจ้างคนได้กี่คนประกอบด้วยในกรณีหากเป็นผู้เขียนเองนั้นผู้เขียนขอเลือกกลยุทธ์ที่ 2 ในเบื้องต้น***

เหตุผลเพราะ

พนักงานทั้ง 12 คนสามารถทำงานของตนเองได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับสลับทำล่วงเวลา เพื่อให้ได้จำนวนตุ๊กตาตามกำหนด โดยงานไม่โหลด หรือกดดันมากนัก ตรงกันข้ามหากท่านรับเพิ่มมาอีก 2 คนท่านต้องจ่ายทั้งเงินเดือน ค่าสวัสดิการ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งคำนวณค่าใช้จ่ายออกมาแล้วก็อาจจะไม่เหมาะสมกับต้นทุน

***ที่ผู้เขียนระบุในเบื้องต้นเพราะว่าหากลูกค้ามีความต้องการจำนวนตุ๊กตาเพิ่มระหว่างปีเราก็สามารถรับ พนักงานเพิ่มอีก 2 คนได้โดยความเหมาะสม และคุ้มค่าจริงๆ

 

ตัวอย่างที่ 2 คำนวณจากจำนวนลูกค้าที่มาติดต่อ

ห้างสรรพสินค้ากำหนดมาตรฐานการบริการลูกค้าของพนักงานต้อนรับให้ได้คนละ 50 รายต่อวัน ประมาณการลูกค้าวันละ 800 ราย เฉพาะนั้น

จำนวนพนักงานต้อนรับ = 800/50 = 16 คน  

 

  1. คำนวณจากหน้าที่รับผิดชอบ (Function)

วิธีการคำนวณจากหน้าที่รับผิดชอบ (Function) นี้คำนวณจากการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบออกเป็นกลุ่มงาน เช่น แผนกบุคคล จัดซื้อ แผนก IT และหลายๆ แผนก ซึ่งแต่ละงานจะมีความยากง่ายของเนื้องาน และเวลาที่ใช้ในการทำงานไม่เท่ากัน จากนั้นพิจารณาว่าแต่ละงานควรใช้เจ้าหน้าที่ในการทำงานกี่คน  

 

ข้อแนะนำ

ควรใช้อัตรากำลังที่เริ่มต้นน้อยที่สุดก่อนทดลองการทำงานในเบื้องต้นแล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนเมื่อพบว่าภาระงานมากเกินไป ซึ่งก็จะดีกว่าการที่มีจำนวนพนักงานมากเกินความจำเป็น ในครั้งแรกแล้วต้องมาลดคน กรณีนี้จะเกิดปัญหาตามมามากมาย

 

  1. การวิเคราะห์โดยใช้ Job Description หรือกระบวนการของงาน (Work Flow)

2 วิธีดังกล่าวนี้มีความคล้ายคลึงกัน คือ

หากพิจารณาจากขั้นตอนการทำงาน (Work Flow) กี่ขั้นตอน และ ในแต่ละขั้นตอนนั้นทำอะไรบ้าง ปริมาณงานมากน้อยเพียงไร ใช้เวลาเท่าไหร่ กี่ชั่วโมงใน 1 วัน กี่วันใน 1 สัปดาห์ ความถี่เป็นอย่างไร เป็นต้น

 

กรณีใช้ Job Description

เป็นการวิเคราะห์โดยการแบ่งหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของพนักงานแต่ละคนในแผนกนั้นๆ และจัดสรรความรับผิดชอบในงานที่ทำของแต่ละส่วนงาน วิธีนี้เป็นวิธีที่ผู้บริหาร หรือผู้พิจารณาในการอนุมัติอัตรากำลัง จะสามารถพิจารณาในการอนุมัติหรือไม่อนุมัติได้ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ของแผนกนั้นมีหน้าที่งานรับผิดชอบอะไรบ้าง

 

สรุป

การวิเคราะห์ด้วยวิธีต่างนั้นๆ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเสมอไป สามารถใช้ควบคู่กัน หรือใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนวิธีคิดให้ได้มาซึ่งตัวเลขที่ท่านนำไปหยอดในแบบฟอร์มอัตรากำลังคน เพื่อดำเนินการเตรียมแผนอื่นๆ ในลำดับต่อไป



Photo by mentatdgt from Pexels

เมื่อพูดถึงค่าใช้จ่ายในบริษัท คุณคิดถึงอะไร?… ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าสินค้า เงินเดือนพนักงาน ? อะไรอีกครับ มันก็เหมือนจะไม่มีอะไรอีก แต่แท้จริงแล้ว เรามีต้นทุนอยู่ในทุกที่ครับ ค่าหมึก ค่ากระดาษ ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ค่าเสื่อม โอ๊ย เยอะแยะไปหมด แต่วันนี้ เราจะมาพูดถึงเรื่องต้นทุนในการทำงานด้าน HR กันดีกว่า

โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

การทำงานด้าน hr ต้นทุนหลักๆ ก็คงหนีไม่พ้น ค่าจ้างพนักงานซึ่งน่าจะถือเป็นต้นทุนหลักๆ ของแผนก สำหรับการทำงาน ก็ยังมี ต้นทุนเรื่องของกระดาษ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเสื่อมคอมพิวเตอร์ ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ค่าหมึกพิมพ์ ค่ากระดาษปริ้นสลิปเงินเดือน ค่ากระดาษเขียนเอกสารลา บลาบลาบลา ทำไมมันมากมายแบบนี้

เปลี่ยนดีมั้ย ? กับชีวิตที่ยุ่งยากมากมายขนาดนี้ เปลี่ยนมาใช้ โปรแกรมเงินเดือนแบบออนไลน์ กันเถอะ

แล้วมันดียังไง ข้อดีของการใช้งานจะอยู่ที่การทำงานทั้งหมดจะอยู่บนระบบ Online พนักงานไม่จำเป็นต้องนำกระดาษมาเขียนขอลา แล้วนำไปส่งหัวหน้างานเพื่อขอลาอนุมัติ เปลืองกระดาษ เปลืองหมึก สิ้นเปลืองเวลา เสี่ยงต่อการสูญหาย เมื่อพนักงานคีย์บนระบบแล้วกดส่งแล้ว ใบลาจะวิ่งไปตามโฟลวของโปรแกรมหาหัวหน้างานของตนเอง หัวหน้าจะมาเช็คเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีสูญหาย ไม่เสียเวลาเดินไปหา ไม่เสียเวลามาคอยตามว่าหัวหน้าไปไหน ต้องร้อนใจคนลาว่าเดี๋ยวจะไม่ได้ลากันพอดี สลิปเงินเดือน สามารถพิมพ์ออกมาเป็นไฟล์ได้ ส่ง email ได้ ทำให้ประหยัดค่ากระดาษ ค่าหมึกในการปริ้นสลิปเงินเดือน ไม่ต้องคอยสั่งกระดาษมาสต๊อกไว้ในปริมาณเยอะๆ ให้ปลวกแทะอีกต่อไป

สิ่งสำคัญที่สุด ประหยัดเวลาของทั้งตัวพนักงานและฝ่าย hr เองด้วย พนักงานไม่ต้องมาคอยถามหาเอกสาร ขอปริ้นเอกสาร เพราะพนักงานสามารถทำงานผ่านระบบได้เลยเกือบทั้งหมด ลดงาน ลดเวลาทำงานของฝ่ายลงได้อย่างมาก ทำให้พนักงานในแต่ละฝ่าย สามารถนำเวลาเหลานี้ไปทำงานให้ก่อประโยชน์แก่บริษัทได้อีกเยอะแยะครับ

สวัสดีครับ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่อง ผลกระทบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กำลังจะบังคับใช้ในปีภาษี 2560 กันครับ
 
สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฉบับใหม่ที่มีการประกาศใช้นั้น ผมขอไม่พูดถึงอัตราภาษีที่มีการเปลี่ยนแปลงรวมถึงค่าลดหย่อนเนื่องจากสามารถหาอ่านได้จากเว็บไซร์ทั่วไป มีการนำเสนอในรูปของรูปภาพและตารางต่างๆ มากมาย ผมจะขอพูดในเฉพาะประเด็นผลกระทบเท่านั้น
 
ผลกระทบจากอัตราภาษีฉบับใหม่ “คนรายได้น้อยและปานกลางได้ประโยชน์ที่สุด” นี่เป็นคำกล่าวอ้างจากทางรัฐบาลในการออกกฎหมายฉบับใหม่นี้ แล้วมันจริงหรือไม่
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอัตราใหม่ ?
 
อัตราภาษีที่ลดลงนั้น จริงๆ แล้ว จะยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากต้องรออีกอย่างน้อย 8 เดือน อัตราภาษีใหม่นี้จึงจะมีผลบังคับใช้จริง และกว่าจะยื่นภงด91 ของปี 60 ก็ต้องเป็นต้นปี 61 ดังนั้น ในแง่ของภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนแล้วก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่การมาประกาศออกกฎหมายฉบับนี้ในช่วงนี้จะส่งกระทบในแง่จิตวิทยาให้ประชาชนรู้สึกว่า เรากำลังจะได้ลดภาษีลง เพิ่มความรู้สึกในแง่บวกกับการจ่ายภาษี บางส่วนอาจวางแผนไปถึงการใช้จ่ายเงินที่จะเหลือเก็บมากขึ้นเนื่องจากการเสียภาษีที่ลดลง
 
แล้วเมื่อถึงวันนั้นแล้ว คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดตรงจุดนี้ คือใครล่ะ? คงหนีไม่พ้นผู้มีบุตร เพราะอะไร?
 
ข้อแรก ค่าลดหย่อนบุตรปีละ 15,000 บาท หรือ 17,000 บาท ต่อคนต่อปีนั้น ไม่ได้เพียงพอเลยกับค่าใช้จ่ายจริงของบุตรแต่ละคนในแต่ละปี และยิ่งจำกัดไว้ไม่เกิน 3 คนด้วยแล้ว ทำให้คนที่มีบุตรมาก จะยิ่งรับภาระหนักในเรื่องของค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าเรียนพิเศษ ค่าอุปกรณ์การเรียน มากมายจิปาถะ แต่ค่าลดหย่อนบุตรอัตราใหม่นั้น ได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 15,000 บาท ต่อคนต่อปี เป็น 30,000 บาท ต่อคนต่อปี และไม่จำกัดจำนวนบุตร ทำให้มีเงินเหลือนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับบุตรได้มากขึ้น
 
ข้อสอง ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าลดหย่อนส่วนตัว ที่ได้รับการลดหย่อนมากขึ้นเพิ่มจากเดิมเป็น 2 เท่า เมื่อมีเงินเหลือจากตรงนี้มากขึ้น ก็สามารถนำเงินไปใช้จ่ายกับบุตรได้มากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ยิ่งเงินเดือนมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่รายจ่ายของตัวเองอยู่ในระดับเดิมหรือบวกลบจากเดิมไม่มากนักก็เรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ทำงานที่ไหนก็ยังทำงานที่นั่น ค่าเดินทางก็เท่าเดิม ค่าอาหารก็เท่าเดิม แต่บุตรมีการเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเสื้อผ้าใหม่เมื่อโตขึ้น เริ่มเรียนพิเศษ ย้ายโรงเรียน ซื้ออุปกรณ์การเรียนหนังสือเรียนใหม่ทุกเทอม ทำให้สามารถนำเงินส่วนนี้มาลงที่บุตรได้มากขึ้น
 
ด้วยสองเหตุผลดังกล่าว ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของบุตรลงได้เป็นอย่างมาก โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนรายจ่ายอื่นๆ ของตัวเองหรือของครอบครัว หรืออาจจะเบียดเบียนน้อยลง
 
สำหรับคนที่ไม่มีบุตรเงินที่ได้รับในส่วนนี้ ยังมีค่าลดหย่อนส่วนตัวและค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ยังได้รับประโยชน์อยู่ ก็สามารถนำไปใช้จ่ายได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวหรือเงินออม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนในกลุ่มใดก็ตาม การใช้จ่ายนี้จะเป็นผลดีทั้งต่อตัวเองและรัฐบาล รัฐบาลจะได้รับภาษีจากทั้งธุรกิจที่มีผลกำไรมากขึ้นและจากภาษีมูลค่าเพิ่มจากการใช้จ่าย หากนำไปลงทุนก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจให้มีการไหลเวียนของเงินทุนมากขึ้น และประชาชนก็ได้ประโยชน์จากการลงทุนเก็บออม สร้างผลกำไรให้กับตัวเอง
 
อย่างไรก็ดี มีค่าลดหย่อนอีกประเภทที่ยังไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงคือ ค่าลดหย่อนเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งมีเงินได้ไม่เกินปีละ 30,000 บาท จุดนี้ยังเป็นข้อด้อยของการค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ยังต้องเสียไปปีละไม่ใช่น้อย อาจจะมากกว่าบุตรด้วยซ้ำ จึงอยากให้รัฐบาลปรับเพิ่มอัตราค่าลดหย่อนในส่วนนี้ให้มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับค่าลดหย่อนบุตรที่มีการเพิ่มไปแล้ว และสามารถนำไปลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวนบุตรที่เลี้ยงดู เช่น มีพี่น้อง 3 คน ทั้ง 3 คนอุปการะบิดามารดาทั้งหมด ทุกคนช่วยกันเลี้ยงดู ก็สมควรจะให้ลดหย่อนได้ทุกคน หากพี่น้องคนใดไม่ดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ตัวเอง ก็ไม่ต้องให้ลดหย่อน ซึ่งใช้เป็นเอกสารรับรองที่มีการลงลายมือชื่อของพ่อแม่ก็ได้ ซึ่งจะช่วยกำจัดจุดอ่อนให้กับคนที่ไม่ยอมเลี้ยงดูพ่อแม่ได้
โปรแกรมเงินเดือนและฝ่ายบุคคลที่ทันสมัยที่สุด

ตารางกะ กับการคำนวณเงินเดือนจากเวลาเข้างาน

การตั้งค่าเพื่อเริ่มต้นการใช้งานไซต์งาน และตารางกะ Roster Management

ในการเริ่มต้นใช้งานฟีเจอร์ตารางกะของ EZY-HR นั้น จะต้องมีการตั้งค่าเริ่มต้นของแต่ละไซต์งาน และตารางกะที่จะนำมาใช้กับพนักงานที่ทำงานในระบบนั้นๆ โดยที่ไซต์งานนั้น สามารถกำหนดให้มีหลายไซต์งานได้ เพื่อที่จะได้สามารถติดตามและจัดการการคำนวณเวลาทำงานในแบบหลายๆไซต์งานได้

การกำหนดตารางการทำงานให้กับพนักงาน

หลังจากที่เราได้มีการกำนหนดค่าเริ่มต้นไซต์งาน และตารางกะแล้ว เราจะต้องมีการใส่ค่าเวลาการทำงานในแต่ละกะของพนักงานในระบบของโปรแกรมเงินเดือน EZY-HR โดยการใส่เวลาการทำงานของเวลาการทำงานแต่ละประเภทจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน สามารถดูรายละเอียดได้ในส่วนของ “การกำหนดตารางการทำงานให้กับพนักงาน”

การคำนวณเวลาการทำงานของพนักงาน

เมื่อเราได้กำหนดเวลาการทำงานของพนักงานให้ครบถ้วนแล้ว การเริ่มต้นคำนวณเวลาการทำงานของพนักงานจะสามารถทำได้ทั้งแบบแมนวล หลังจากที่ได้ทำการอัพโหลดไฟล์บันทึกเวลาการสแกนนิ้วเข้าระบบแล้ว หรือสามารถคำนวณได้แบบอัตโนมัติแบบเรียลไทม์* (ในกรณีที่ใช้งานระบบ Real Time Finger Scan เท่านั้น)

การตั้งค่าและใช้งานอื่นๆ

รวบรวมวิธีการทำงาน และเทคนิคในการใช้งานที่ไม่ได้อยู่ในเนื้อหาด้านต้น Link

 

การตั้งค่าเพื่อเริ่มต้นการใช้งานไซต์งาน

การตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับไซต์งาน

ล้อกอินเข้าไปในระบบด้วย User ที่เป็น Admin และไปที่เมนูด้านซ้าย OT & TIMESHEET -> Shift Management เพื่อเข้าไปสู่การตั้งแค่เริ่มต้นไซต์งาน

 

โปรแกรมเงินเดือน EZY-HR ตารางกะ

 

*** ระบบจะอนุญาตให้ผู้ใช้งานที่เป็น Admin เท่านั้น ที่สามารถเข้ามาจัดการข้อมูลไซต์งานและกะการทำงานได้

 

หลังจากนั้นจะเข้าสู่หน้าจอการตั้งค่ากะเวลาการทำงานและไซต์งานเบื้องต้น เราสามารถที่จะเพิ่มไซต์งานได้โดยการกดที่ปุ่ม Shift Management เพื่อเข้าสู่หน้าจอการจัดการข้อมูลไซต์งานอีกครั้งหนึ่ง

โปรแกรมเงินเดือน EZY-HR ตารางกะ

ในหน้าจอแสดงข้อมูลของไซต์งาน จะแสดงถึงไซต์งานทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบแล้ว

เมื่อเข้าสู่หน้าจอการจัดการไซต์งานแล้ว เราสามารถที่จะเพิ่มไซต์งานเข้าไปได้ โดยการกดที่ปุ่ม New Site และกรอกข้อมูลที่จำเป็นเข้าไปเพื่อทำการสร้างไซต์งาน โดยที่แต่ละไซต์งานจะสามารถมีกะการทำงานได้หลายกะ

เมื่อกรอกข้อมูล “Name” หรือชื่อของกะการทำงาน และ “Remarks” ซึ่งเป็นข้อความหมายเหตุของไซต์งานนี้แล้ว ให้กดที่ปุ่ม Submit เพื่อทำการบันทึกข้อมูล โดยที่ระบบจะมีข้อความขึ้นเพื่อบอกว่าบันทึกข้อมูลไซต์การทำงานเรียบร้อยแล้ว และกลับที่หน้าแรก
หลังจากที่เราได้ทำการสร้างข้อมูลไซต์งานได้ครบหมดเรียบร้อยแล้ว ให้กลับไปที่หน้าจอการสร้างข้อมูลตารางกะการทำงานอีกครั้งหนึ่ง โดยไปที่เมนูทางด้านซ้าย OT & TIMESHEET ->  Shift Management

และกดที่ปุ่ม New Shift เพื่อทำการเริ่มต้นสร้างข้อมูลตารางกะการทำงาน
*** หมายเหตุ ต้องสร้างข้อมูลไซต์งานก่อนที่จะสร้างข้อมูลตารางกะการทำงาน

โปรแกรมเงินเดือน EZY-HR ตารางกะ

ใส่ข้อมูลที่จำเป็นสำหรับตารางกะลงไปให้ครบถ้วน

Name ชื่อที่ใช้เพื่อระบุ กะการทำงานนี้
Start เวลาเริ่มต้นการทำงานของกะการทำงานนี้
End เวลาที่สิ้นสุดการทำงานของกะการทำงานนี้
Site ไซต์งาน (ที่เราได้สร้างไว้ก่อนแล้ว)
Remarks ข้อมูลเพิ่มเติมที่เอาไว้เพื่ออธิบายกะการทำงานนี้

โปรแกรมเงินเดือน EZY-HR ตารางกะ

หลังจากนั้นให้กด Submit เพื่อทำการบันทึกข้อมูลเข้าไปในระบบ โดยที่เราสามารถที่จะแก้ไขหรือลบได้โดยการกดปุ่มดินสอเพื่อทำการแก้ไข หรือถังขยะเพื่อทำการลบทางด้านขวาของไซต์งานนั้นๆ
การกำหนดตารางการทำงานให้กับพนักงาน

 

การกำหนดกะการทำงานให้กับพนักงานในแต่ละรูปแบบ

เราสามารถเข้าไปที่หน้าจอเพื่อทำการกำหนดตารางการทำงานให้กับพนักงานได้โดยการไปที่เมนูทางด้านซ้าย OT & TIMESHEET -> Assign Shift
ระบบจะแสดงหน้าจอทำการตั้งตารางกะการทำงานของพนักงาน โดยจะเริ่มต้นที่การตั้งกะการทำงานแบบรายสัปดาห์เป็นค่าเริ่มต้น แต่เราสามารถที่จะอัพโหลดข้อมูลกะการทำงานแบบรายวันเข้าไปได้ที่หน้าจอนี้เช่นเดียวกัน
โดยเราสามารถที่จะเปลี่ยนมุมมองการทำงานได้โดยการไปที่ View Options ทางด้านขวา
การกำหนดกะการทำงานแบบรายสัปดาห์
ในการกำหนดตารางกะการทำงานแบบรายสัปดาห์นั้น เราเพียงแต่ระบุวันในแต่ละสัปดาห์ของพนักงานแต่ละคนว่า ทำการกะอะไร ในกรณีนี้จะเป็นตารางกะที่เหมือนกันในแต่ละสัปดาห์

เริ่มต้นโดยการกดที่ปุ่ม New Shift Day of Week

ใส่ข้อมูลทั้งหมดลงไป
Shift คือกะการทำงานทีต้องการจะมอบหมายให้พนักงานทำในวันนั้นๆ
Fullstaff พนักงานที่เราต้องการจะมอบหมายให้ใช้ตารางกะ
Dow วันของสัปดาห์ที่จะให้พนักงานใช้ตารางกะนั้นๆ (จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์)
Remarks หมายเหตุเพิ่มเติม

หลังจากนั้นให้กดที่ปุ่ม Submit เพื่อทำการบันทึกข้อมูลของ ตารางกะ โดยระบบจะมีข้อความแจ้งขึ้นมาว่า ตารางกะการทำงานของพนักงานคนนั้นได้มีการบันทึกแล้ว และแสดงข้อมูลตารางกะการทำงานทั้งหมดขึ้นมา

หมายเหตุ เราสามารถที่จะเปลี่ยนมุมมองการดูข้อมูลได้ 3 แบบ คือ
Record View ซึ่งจะแสดงเป็นรายการทีละบรรทัด
Calendar View จะแสดงเป็นปฎิทิน
และ Table View จะแสดงเป็นรายวัน (กำหนดวันเริ่มต้น-สิ้นสุด)

การแสดงข้อมูลแบบ Calendar View จะต้องทำการเลือกชื่อพนักงานขึ้นมาในดรอปดาวน์ลิสต์

หน้าจอการดูข้อมูลแบบ Table View
จะต้องทำการใส่ข้อมูลวันที่เร่ิมต้น Startdate และวันที่สิ้นสุด Enddate เข้าไปและกดที่ปุ่ม Submit แล้วระบบจะทำการแสดงข้อมูลตารางกะการทำงานของพนักงานที่มีการกำหนดเข้าไปในระบบแล้ว

 

การคำนวณเวลาการทำงานของพนักงาน

ระบบการคำนวณเวลาของ EZY-HR
จะมีการคำนวณ เวลาการเข้างาน ของพนักงานโดยอาศัย ข้อมูลตามลำดับ ดังต่อไปนี้

โดยระบบจะเอา ข้อมูลเวลาการทำงาน ของข้อที่สูงที่สุดมาใช้ โดยเริ่มต้นจาก 1. ข้อมูลที่ตั้งไว้เริ่มต้นของระบบ

 

การตั้งค่าและคำถามอื่นๆ

การสนับสนุนการทำงานเพิ่มเติม
คำถามเพิ่มเติม จะมีการอัพเดตใน เว้บไซต์  EZY-HR อย่างสม่ำเสมอ โดยสามารถที่จะเข้าไปดูได้ที่ https://www.ezy-hr.com/blog

EZY-HR โปรแกรมเงินเดือนและฝ่ายบุคคล EZY-HR

รับสมัคร IT Support 2 ตำแหน่ง

เพศชายหรือหญิง และมีอายุตั้งแต่ 23 ปีขึ้นไป

จบการศึกษาปริญญาตรี ในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีไอที หรือคอมพิวเตอร์

มีความเชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ และซอฟท์แวร์

มีความสนใจ และต้องการเรียนรู้เทคโนโลยีไอทีและอินเตอร์เน็ต

ติดต่อได้ที่ https://www.ezy-hr.com/ หรือ Email : ezyhrdotcom@gmail.com

รับสมัคร IT Support ด่วน

เมื่อพนักงานมีการสร้างใบลาประเภทต่างๆ ระบบจะทำการแจ้งเตือนเกี่ยวกับใบลาดังกล่าวไปที่ผู้อนุมัติ ซึ่งเราสามารถที่จะระบุ Email Address ของผู้รับ ได้โดยการไปที่เมนู Staff Details -> เลือกพนักงาน -> Edit -> ใส่ค่าอีเมล์สำหรับใบลา เป็น Email Address ของผู้รับ

 

Screenshot from 2014-11-12 09:50:59

 

 

 

 

 

หมายเหตุ เราสามารถระบุให้อีเมล์สำหรับสลิปเงินเดือนเป็นอีเมล์แอดเดรสอื่นๆ (Alternate Email Address) ได้ในเมนูนี้เช่นเดียวกัน

 

สนใจโปรแกรมเงินเดือนและฝ่ายบุคคล EZY-HR ที่ใช้ง่าย ทันสมัย ปลอดภัย ติดต่อได้ที่นี่ EZY-HR