จากตอนที่ 1 และ 2 เราทราบกันไปแล้วว่า ฝ่าย HR ทำงานสะดวกขึ้นได้อย่างไร

ตัวช่วย HR ให้งานง่ายขึ้น

 

ทุกวันนี้ เทคโนโลยีในงานระบบบริหารงานบุคคลเข้ามามีบทบาทส่วนช่วยเหลือในหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยลดงานด้านเอกสาร และลดเวลาในการทำงานลง จากเดิมที่ต้องเขียนเอง แก้ไขเอง หรือคิดเอง ก็เปลี่ยนเป็นระบบคำนวณและแก้ไขให้ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ฝ่าย HR จะไม่เปลี่ยนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

 

แล้วในมุมพนักงานล่ะ พนักงานจะได้อะไร?

 

สำหรับพนักงานแล้ว การใช้งานระบบโปรแกรมจัดการระบบบริหารงานบุคคลที่ดี จะลดระยะเวลาทำงานลงเช่นกัน และเพิ่มความสะดวกสบายทั้งในฝั่งของหัวหน้างานและฝั่งพนักงาน มีเรื่องใดบ้างมาดูกัน

 

  1. เพิ่มความรวดเร็วในการลงเวลาทำงาน และตรวจสอบเวลาตนเองได้ โดยสามารถดูได้ทั้งบนหน้า web และหน้า mobile application
  2. พนักงานสามารถตรวจสอบโควตาการลาคงเหลือของลาแต่ละประเภทได้เอง โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินมาถาม HR และต้องไปนั่งเปิดใบกระดาษลาย้อนหลัง
  3. พนักงานสามารถขอลา ขอโอที หรือขอรายการอื่นๆ ได้ตามที่มีการตั้งค่าในระบบเอาไว้ และสามารถตรวจสอบการอนุมัติได้ทันที
  4. หัวหน้างานสามารถอนุมัติการลา ขอโอที หรือขอรายการอื่นๆ ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทั้งในและนอกบริษัท
  5. หัวหน้างานสามารถตรวจสอบการมาทำงานของพนักงาน รวมถึงการจัดเวลาการทำงานของพนักงานเองได้ โดยไม่ต้องส่งเรื่องมาที่ HR เพื่อดำเนินการให้
  6. พนักงานสามารถดาวโหลดสลิปเงินเดือนได้เอง รวมถึงตรวจสอบรายการเงินได้ ค่าลดหย่อน และประมาณการภาษี เพื่อวางแผนทางด้านภาษีได้
  7. ที่สำคัญที่สุด ลดการใช้กระดาษและหมึก ลดเวลาในการเดินและตามเอกสาร ลดการสูญหายหรือเสียหายของเอกสารต่างๆ

 

สนใจอยากจะรู้ว่า โปรแกรมจัดการระบบบริหารงานบุคคลออนไลน์ EZY-HR จะช่วยคุณได้ยังไง ภายใน 10 นาที คลิกที่นี่

รูปประกอบจาก Photo by bruce mars from Pexels

 

สวัสดีครับ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่อง ผลกระทบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กำลังจะบังคับใช้ในปีภาษี 2560 กันครับ
 
สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฉบับใหม่ที่มีการประกาศใช้นั้น ผมขอไม่พูดถึงอัตราภาษีที่มีการเปลี่ยนแปลงรวมถึงค่าลดหย่อนเนื่องจากสามารถหาอ่านได้จากเว็บไซร์ทั่วไป มีการนำเสนอในรูปของรูปภาพและตารางต่างๆ มากมาย ผมจะขอพูดในเฉพาะประเด็นผลกระทบเท่านั้น
 
ผลกระทบจากอัตราภาษีฉบับใหม่ “คนรายได้น้อยและปานกลางได้ประโยชน์ที่สุด” นี่เป็นคำกล่าวอ้างจากทางรัฐบาลในการออกกฎหมายฉบับใหม่นี้ แล้วมันจริงหรือไม่
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอัตราใหม่ ?
 
อัตราภาษีที่ลดลงนั้น จริงๆ แล้ว จะยังไม่ส่งผลกระทบใดๆ ในปัจจุบัน เนื่องจากต้องรออีกอย่างน้อย 8 เดือน อัตราภาษีใหม่นี้จึงจะมีผลบังคับใช้จริง และกว่าจะยื่นภงด91 ของปี 60 ก็ต้องเป็นต้นปี 61 ดังนั้น ในแง่ของภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนแล้วก็ยังเหมือนเดิม เพียงแต่การมาประกาศออกกฎหมายฉบับนี้ในช่วงนี้จะส่งกระทบในแง่จิตวิทยาให้ประชาชนรู้สึกว่า เรากำลังจะได้ลดภาษีลง เพิ่มความรู้สึกในแง่บวกกับการจ่ายภาษี บางส่วนอาจวางแผนไปถึงการใช้จ่ายเงินที่จะเหลือเก็บมากขึ้นเนื่องจากการเสียภาษีที่ลดลง
 
แล้วเมื่อถึงวันนั้นแล้ว คนที่จะได้ประโยชน์สูงสุดตรงจุดนี้ คือใครล่ะ? คงหนีไม่พ้นผู้มีบุตร เพราะอะไร?
 
ข้อแรก ค่าลดหย่อนบุตรปีละ 15,000 บาท หรือ 17,000 บาท ต่อคนต่อปีนั้น ไม่ได้เพียงพอเลยกับค่าใช้จ่ายจริงของบุตรแต่ละคนในแต่ละปี และยิ่งจำกัดไว้ไม่เกิน 3 คนด้วยแล้ว ทำให้คนที่มีบุตรมาก จะยิ่งรับภาระหนักในเรื่องของค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าเดินทาง ค่าเรียนพิเศษ ค่าอุปกรณ์การเรียน มากมายจิปาถะ แต่ค่าลดหย่อนบุตรอัตราใหม่นั้น ได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 15,000 บาท ต่อคนต่อปี เป็น 30,000 บาท ต่อคนต่อปี และไม่จำกัดจำนวนบุตร ทำให้มีเงินเหลือนำมาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับบุตรได้มากขึ้น
 
ข้อสอง ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าลดหย่อนส่วนตัว ที่ได้รับการลดหย่อนมากขึ้นเพิ่มจากเดิมเป็น 2 เท่า เมื่อมีเงินเหลือจากตรงนี้มากขึ้น ก็สามารถนำเงินไปใช้จ่ายกับบุตรได้มากขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็คงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ยิ่งเงินเดือนมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่รายจ่ายของตัวเองอยู่ในระดับเดิมหรือบวกลบจากเดิมไม่มากนักก็เรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ทำงานที่ไหนก็ยังทำงานที่นั่น ค่าเดินทางก็เท่าเดิม ค่าอาหารก็เท่าเดิม แต่บุตรมีการเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเสื้อผ้าใหม่เมื่อโตขึ้น เริ่มเรียนพิเศษ ย้ายโรงเรียน ซื้ออุปกรณ์การเรียนหนังสือเรียนใหม่ทุกเทอม ทำให้สามารถนำเงินส่วนนี้มาลงที่บุตรได้มากขึ้น
 
ด้วยสองเหตุผลดังกล่าว ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของบุตรลงได้เป็นอย่างมาก โดยไม่ต้องไปเบียดเบียนรายจ่ายอื่นๆ ของตัวเองหรือของครอบครัว หรืออาจจะเบียดเบียนน้อยลง
 
สำหรับคนที่ไม่มีบุตรเงินที่ได้รับในส่วนนี้ ยังมีค่าลดหย่อนส่วนตัวและค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ยังได้รับประโยชน์อยู่ ก็สามารถนำไปใช้จ่ายได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนตัวหรือเงินออม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนในกลุ่มใดก็ตาม การใช้จ่ายนี้จะเป็นผลดีทั้งต่อตัวเองและรัฐบาล รัฐบาลจะได้รับภาษีจากทั้งธุรกิจที่มีผลกำไรมากขึ้นและจากภาษีมูลค่าเพิ่มจากการใช้จ่าย หากนำไปลงทุนก็จะเป็นการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจให้มีการไหลเวียนของเงินทุนมากขึ้น และประชาชนก็ได้ประโยชน์จากการลงทุนเก็บออม สร้างผลกำไรให้กับตัวเอง
 
อย่างไรก็ดี มีค่าลดหย่อนอีกประเภทที่ยังไม่ได้สะท้อนความเป็นจริงคือ ค่าลดหย่อนเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบิดามารดาซึ่งมีเงินได้ไม่เกินปีละ 30,000 บาท จุดนี้ยังเป็นข้อด้อยของการค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ยังต้องเสียไปปีละไม่ใช่น้อย อาจจะมากกว่าบุตรด้วยซ้ำ จึงอยากให้รัฐบาลปรับเพิ่มอัตราค่าลดหย่อนในส่วนนี้ให้มากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับค่าลดหย่อนบุตรที่มีการเพิ่มไปแล้ว และสามารถนำไปลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวนบุตรที่เลี้ยงดู เช่น มีพี่น้อง 3 คน ทั้ง 3 คนอุปการะบิดามารดาทั้งหมด ทุกคนช่วยกันเลี้ยงดู ก็สมควรจะให้ลดหย่อนได้ทุกคน หากพี่น้องคนใดไม่ดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่ตัวเอง ก็ไม่ต้องให้ลดหย่อน ซึ่งใช้เป็นเอกสารรับรองที่มีการลงลายมือชื่อของพ่อแม่ก็ได้ ซึ่งจะช่วยกำจัดจุดอ่อนให้กับคนที่ไม่ยอมเลี้ยงดูพ่อแม่ได้
โปรแกรมเงินเดือนและฝ่ายบุคคลที่ทันสมัยที่สุด